ล่องใต้ทริป นอนแพ นอนหาด ชิลแบบสุดๆ และถือเป็นทริปแห่งการพักผ่อนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
ประมาณช่วงกลางๆเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นครั้งแรกในชีวิตเลย โดยจะไปพักที่แพ 500 ไร่ เขาสก คืนนึงและเดอะนินอีกคืนนึง ทริปนี้เราเดือนทางด้วยเครื่องบินสายการบิน Air Asia ไปลงที่สนามบินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ใช้เวลาอยู่บนเครื่องประมาณหนึ่งชั่วโมง
ณ. สนามบินจังหวัดสุราษฎร์ธานี
และเมื่อลงจากเครื่องเราก็ต่อรถตู้เพื่อตรงไปยังที่พักแรก คือ แพ 500 ไร่ เขาสก ซึ่งรถตู้นั้นเราสามารถคุยกับที่โรงแรมเพื่อจัดหาให้ หรือไม่มันก็รวมอยู่ในแพคเกจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รถตู้จะไปส่งเราที่ท่าเรือตรงเขื่อนรัชชประภา หรือที่รู้จักกันในชื่อ เขื่อนเชี่ยวหลาน ระหว่างทางพี่คนขับรถตู้ได้ขับไปยังจุดชมวิวของเขื่อนให้เราไปถ่ายรูปกันอีกด้วย
เรามาทำความรู้จักเขื่อนรัชชประภากันหน่อยนะครับ …
เขื่อนรัชชประภา มีชื่อเรียกดั้งเดิมว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน (ผมว่าชื่อเขื่อนเชี่ยวหลานจะคุ้นหูกว่านะ) เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งที่สองของภาคใต้ อยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อก่อนสร้างแล้วเสร็จได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งราชอาณาจักร”
ประโยชน์
การชลประทานเพื่อการเพาะปลูก ปริมาณน้ำที่ปล่อยจากเขื่อนให้ประโยชน์ต่อการเพาะปลูกพืช บริเวณสองฝั่งแม่น้ำในตอนล่าง เป็นผลให้พื้นที่ประมาณ 100,000 ไร่ ในเขตท้องที่ตำบลตาขุน อำเภอคีรีรัฐนิคม และอำเภอพุนพิน สามารถทำนาปรัง และปลูกพืชในฤดูแล้งได้ผลดี
บรรเทาอุทกภัย การกักเก็บน้ำของเขื่อนในฤดูฝน จะช่วยลดความรุนแรงของสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ตอนล่างได้เป็นอย่างดี
การประมง อ่างเก็บน้ำของเขื่อนรัชชประภาเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญ ทุกๆ ปี การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้ปล่อยพันธุ์ปลาและกุ้งเป็นจำนวนมากลงไปในอ่างเก็บน้ำ สามารถให้ผลผลิตทางด้านการประมงเฉลี่ยปีละ 300 ตัน ซึ่งเป็นการส่งเสริมรายได้ให้กับราษฎรในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่ง
การท่องเที่ยว ทัศนียภาพโดยรอบบริเวณเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ สวยสดงดงาม และสงบร่มรื่น เหมาะแก่การไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวปีละกว่า 70,000 คน ให้เดินทางมาเยี่ยมชมเขื่อนรัชชประภา พื้นที่อ่างเก็บน้ำมีทัศนียภาพอันงดงาม ประกอบด้วยยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” ซึ่งพื้นที่น้ำเกือบทั้งหมด อยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก (เว้นเพียงพื้นที่น้ำในเขตทุ่นลอย อันได้แก่ รอบพระตำหนักเรือนรับรองที่ประทับ หน้าช่องระบายน้ำ และตลอดแนวสันเขื่อน อยู่ในความรับผิดชอบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย)
การผลิตไฟฟ้า พลังน้ำจากเขื่อนสามารถนำมาผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละ 315 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ช่วยเสริมระบบไฟฟ้าในภาคใต้ให้มั่นคงยิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำที่ปล่อยผ่านเครื่องผลิตไฟฟ้า ยังส่งต่อเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านเกษตรกรรม บริเวณพื้นที่ท้ายน้ำอีกด้วย
แก้ไขน้ำเสียและผลักดันน้ำเค็ม สภาพน้ำที่มีบปริมาณน้อยของลำน้ำพุมดวง-ตาปี ในฤดูแล้ง ทำให้เกิดภาวะน้ำเน่าเสียได้ง่าย ขณะเดียวกันบริเวณปากแม่น้ำจะมีน้ำเค็มรุมล้ำเข้ามาตามลำน้ำ น้ำที่ปล่อยจากเขื่อนรัชชประภาจะช่วยเจือจางน้ำเสียในลำน้ำ และต้านทานการรุกล้ำของน้ำเค็มที่ปากแม่น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia
และแล้วเราก็มาถึงท่าเรือกันละ เรือที่เราจะโดยสารไปก็จะเป็นเรือหางยาว ระยะเวลาในการเดินทางจากท่าเรือไปยังที่พักแพ 500 ไร่ จะใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมง 40 นาที คือเขาจะไปเที่ยวชมเขื่อนไปด้วย จะไปแวะให้ถ่ายรูปชะแง่นผาและผืนน้ำ จุดที่เปรียบกันว่าเป็น กุ้ยหลินเมืองไทย
กดภาพกันสักหน่อยที่ กุ้ยหลินเมืองไทย
ผมมองเห็นเป็นหน้าปีศาจหัวกะโหลก ดูออกมะ
ต้องขอบอกว่าวิว 2 ข้างทางนั้นสวยมากจริงๆ ผมได้พยายามถ่ายภาพออกมาให้ได้ตามที่ผมเห็น แต่ต้องขอบอกว่ามันไม่สามารถเก็บความสวยได้เท่ากับที่เรามาได้สัมผัสเองเลยครับ เทียบกันไม่ได้จริงๆ
และก็มาถึงที่พักแพ 500 ไร่ เขาสก แล้วครับ สวยมั้ยครับ ที่เห็นเป็นหลังๆนั้น หนึ่งในนั้นเป็นที่พักของเราในคืนนี้ มาทำความรู้จักที่พักกันสักหน่อยครับ
แพ500 ไร่เดิม ตั้งอยู่ในบริเวณทะเลใน 500 ไร่ตรงข้ามกับถ้ำปะการัง ซึ่งการเดินทางไปแพ 500 ไร่ เดิมนั้นต้องเดินข้ามภูเขา ซึ่งเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ทางแพเน้นกลุ่มลูกค้าที่รักความสงบ ชอบความเป็นส่วนตัว และรักธรรมชาติเป็นสำคัญ ต่อมาเพื่อให้สามารถให้บริการลูกค้าได้ทุกเพศทุกวัย จึงได้ย้ายที่ตั้งมาตั้งอยู่ใกล้ๆ กับต้นน้ำของเชี่ยวหลาน ซึ่งทำเลใหม่นี้มีจุดเด่นที่ เป็นอ่าวส่วนตัว พื้นน้ำใสสะอาดสีเขียวเข้มและอ่อนสลับไปมา วิวทิวทัศน์ภาพภูเขาหินปูนแบบพานอรามา เหมือนภาพวาด และมีแหล่งท่องเที่ยวแทบทั้งหมด อยู่รายล้อม รวมถึงสายหมอกยามเช้า แทบจะกล่าวได้ว่า “ตลอดทั้งปี” เลยทีเดียว
ตำแหน่งที่ตั้งของแพ 500 ไร่ ตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของธรรมชาติ และจุดท่องเที่ยวอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดของเขื่อนเชียวหลาน เช่น น้ำตกแปดเซียน ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำปะการัง จุดชมวิวมุมสูงที่สวยที่สุด อีกทั้งบริเวณรอบๆแพท่านสามารถล่องเรือชมวิถีสัตว์ป่านานาชนิด เช่น วัวกระทิง กวาง ช้างป่า เสือลายหินอ่อน นกเงือก และสัตว์ป่าอีกหลายชนิด รวมถึงสายหมอกยามเช้าที่พาดผ่านเทือกเขาหินปูนกลางน้ำ … ขอบคุณข้อมูลจาก 500rai.com
และเมื่อมาถึงผมก็ได้รับอาหารต้อนรับแบบจัดเต็มกันเลยทีเดียว อาหารรสชาติดีมาก อร่อยทุกจานเลย และใกล้ๆกับพื้นที่รับประทานอาหาร จะมีจุดที่ไว้สำหรับให้อาหารปลาอยู่ด้วย
ปลาที่นี่ไม่คุ้นเคยกับขนมปังนะครับ ไม่ต้องเตรียมไปเลย เดี๋ยวปลาไม่กินแล้วน้ำจะสกปรกเสียเปล่า ทางที่พักจะมีอาหารปลาไว้ให้นะครับ ถ้าจำไม่ผิดก็ถุงละ 20 บาท เป็นข้าวโพดน่ะครับ ที่ต่างจากขนมปังคือ ข้าวโพดเมื่อโยนลงน้ำมันจะจมลง เราจะเห็นปลาว่ายมากินอาหารอยู่ใต้น้ำครับ
อ่อ แล้วยังมีสิ่งที่ต้องบอกให้ทราบกันก่อนที่จะตัดสินใจมาเที่ยวที่นี่น่ะครับ คือ ที่นี่จะไม่มีสัญญาณโทรศัพท์นะครับ ไม่ต้องพูดถึงสัญญาณเน็ตเลย คือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ให้เลยครับ ไฟฟ้าก็ปล่อยเป็นเวลาโดยเริ่มให้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 5 โมงเย็น จนถึง 9 โมงเช้า กิจกรรมที่พอจะทำได้ก็คือ อ่านหนังสือ นอนชิว ว่ายน้ำ พายเรือ
วิวจากหน้าห้องพักเลย สวยมั้ย
วิวจากหน้าห้องอีกมุมนึง
ห้องพักแบ่งเป็นแพเป็นหลังๆ 1 ห้องนอนได้ 4 คน ชั้นละ 2 คน ห้องนอนบางห้องจะมีแอร์นะครับ แต่ผมนอนห้องที่ไม่มีแอร์ แต่ขอบอกว่าไม่ร้อนเลย(ในเวลากลางคืน) ที่พักได้รับการออกแบบให้ทางเดินอยู่ด้านหลังห้องพัก เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด อีกทั้งยังมีเรือคายัคส่วนตัวประจำห้องพักทุกห้องอีกด้วย พอตกดึกมันจะเงียบมาก สงบสุดๆ
แพ 500 ไร่ มีห้องพักให้บริการ ทั้งหมด 3 ประเภท (Deluxe, Villa, Family) เพื่อเป็นทางเลือกที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม
DELUXE ROOM (พักได้ 2-4 ท่าน)
VILLA ROOM (พักได้ 2-4 ท่าน)
FAMILY ROOM (พักได้ 8-10 ท่าน)
เวลาให้บริการห้องพัก : Check In 13.30 น. / Check Out 10.30 น.
เวลาเปิด-ปิดไฟฟ้า : ร้านอาหาร 24 ชม. / ห้องพัก 17.00-09.00 น. / เฉพาะแอร์ 18.00-4.00 น.
วันที่สองของทริป กิจกรรมตอนเช้าของที่นี่ก็คือ จะพาเราไปชมความสมบูรณ์ของป่า และชมนกเงือก (ซึ่งเป็นตัวชี้บอกความอุดมสมบูรณ์ของพื้นป่า)
เก็บภาพนกเงือกไม่ทัน
กลับถึงที่พักแล้ววว
พอกลับมาถึงที่พักก็ถึงเวลาอาหารเช้าแล้วก็ปล่อยตามอัธยาศัยอีกประมาณ 1 ชั่วโมงหน่อยๆ
หลังจากดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มที่ เราก็เดินทางกลับเข้าผั่งเพื่อจะเดินทางไปยังที่พักอีกที่ที่ เดอะนิน ผมจะขอจบไว้ตรงนี้ และขอแชร์ภาพระหว่างทางกลับเข้าฝั่งให้ชมกันด้วยนะครับ นี่ถ้าเจอคนถ่ายรูปเก่งๆนี่ ภาพจะสวยงามกว่านี้เยอะครับ เสียดายที่ไม่ได้เป็นคนถ่ายรูปเป็น แต่อยากถ่าย แล้วครั้งหน้าเราจะมาต่อกันที่ชายหาดกันบ้างกับ เดอะนิน
หินย้อยอันงดงาม
น้ำใสจริงๆ เห็นลำต้นใต้น้ำเลย
อีกหนึ่งถ้ำที่คล้ายหัวกะโหลก
เริ่มเห็นแนวสันเขื่อนละ
ใกล้ถึงฝั่งแล้วววว
ถึงฝั่งละ เดินทางออกจากเขื่อนได้
Comments